เมื่อคืนที่ผ่านมา ทุกสายตาจับจ้องไปที่อิสตันบูลสำหรับศึกใหญ่ที่สุดในยูโรป้าลีก ซึ่ง เฟเนร์บาห์เช่ เปิดบ้านต้อนรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยกุนซือ เอริก เทน ฮาก ต้องการชัยชนะอย่างมากในรายการนี้ เนื่องจากยูไนเต็ดเสมอมาแล้วในสองเกมแรก และพวกเขาเพิ่งชนะเพียงครั้งเดียวจากสิบเกมหลังสุดในเวทียุโรป
.
แม้ว่าอนาคตของเทน ฮากจะยังคงเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกัน แต่การที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้เผชิญหน้ากับทีมเก่าของเขานั้นได้กลายเป็นข่าวใหญ่ที่สุดในช่วงก่อนเกม
.
มูรินโญ่ เป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุคใหม่ และเขาใช้เวลาสองปีครึ่งนั่งเก้าอี้ผู้จัดการทีมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งหากพูดถึงถ้วยรางวัล เอริก เทน ฮาก และ โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จที่สุดหลังจาก เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือ
.
แต่สถิติของพวกเขาเทียบกันแล้วเป็นอย่างไรบ้าง และใครกันแน่ที่ควรได้ชื่อว่าเป็นกุนซือผีแดงที่ดีที่สุดหลังยุค “เฟอร์กี้” ?
.
ในแง่ของการเก็บแต้มในลีก มูรินโญ่เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมหลังจากหลุยส์ ฟาน กัลคว้าแชมป์เอฟเอคัพในปี 2016 และเขาก็ประสบความสำเร็จตั้งแต่ในฤดูกาลแรก โดยคว้าแชมป์ได้สองรายการ นั่นคือ ลีกคัพ และยูโรปาลีก (มูรินโญ่ยืนยันว่าเป็นสามรายการด้วยการนับคอมมิวนิตี้ชิลด์ไปด้วย 555) มูรินโญ่กลายเป็นผู้จัดการทีมคนแรกในประวัติศาสตร์ของยูไนเต็ดที่คว้าถ้วยรางวัลใหญ่ได้ในฤดูกาลแรก โดยเขายังรักษาสถิติไม่เคยแพ้ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยุโรปด้วยการเอาชนะอาแจ็กซ์ 2-0 คว้าแชมป์ยูโรป้าลีก ก่อนที่ในฤดูกาลถัดมา มูรินโญ่นำทีมจบอันดับสองในลีก ก่อนที่ฤดูกาลที่สามจะเกิดปัญหาและถูกปลดในเดือนธันวาคม
.
ด้านเทน ฮากก็สามารถคว้าถ้วยแชมป์ลีกคัพในฤดูกาลแรกของเขา และนำทีมเข้าชิงเอฟเอคัพในฤดูกาลถัดมา แต่ยูไนเต็ดกลับมีปัญหาในลีก หลังจากจบอันดับสามในฤดูกาล 2022/23 ทีมของเทน ฮากจบอันดับที่ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรด้วยอันดับ 8 เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และในขณะนี้พวกเขาอยู่ในกลางตารางลีก
.
เมื่อเปรียบเทียบสถิติแต้มต่อเกม มูรินโญ่ทำได้ดีกว่า โดยมีค่าเฉลี่ย 1.97 แต้มต่อเกม ขณะที่เทน ฮากทำได้ 1.87 แต้มต่อเกม สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือความแตกต่างในประตูได้เสีย มูรินโญ่มีประตูได้เสียบวก 122 ประตู ขณะที่เทน ฮากมีเพียงบวก 55 โดย เทน ฮาก ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องความสามารถของทีมในการทำประตูและการพ่ายแพ้ที่ขาดลอยหลายครั้ง
.
ในแง่ของการใช้เงินเสริมทัพ การใช้จ่ายเงินในตลาดซื้อขายนักเตะของยูไนเต็ดและความล้มเหลวที่ตามมา เป็นที่รู้จักดีนับตั้งแต่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันวางมือในปี 2013 และอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ทีมตกต่ำในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
.
เทน ฮากและมูรินโญ่ ได้รับการสนับสนุนอย่างมากในช่วงซัมเมอร์แรก แต่เงินทุนที่มีให้ใช้เริ่มลดลงเมื่อความสงสัยในความสามารถของพวกเขามีเพิ่มมากขึ้น ค่าใช้จ่ายสุทธิของเทน ฮากในช่วงเวลาที่เขาอยู่กับยูไนเต็ดทั้งหมดอยู่ที่ 476 ล้านยูโร ซึ่งมากกว่ามูรินโญ่ถึง 133 ล้านยูโรในช่วง 5 ตลาดซื้อขาย
.
เทน ฮากใช้เงินมากถึง 243 ล้านยูโรในตลาดซื้อขายครั้งแรก โดยการคว้าตัว อันโตนี่ มาด้วยราคา 95 ล้านยูโร ถูกยกมาเป็นตัวอย่างสำคัญของการซื้อขายที่ล้มเหลวของเขา ขณะที่ในฤดูกาลที่สอง การใช้จ่ายสุทธิของมูรินโญ่นั้นสูงกว่าเล็กน้อย โดยการซื้อตัว โรเมลู ลูกากู ด้วยค่าตัว 85 ล้านยูโรเป็นการเสริมทัพที่แพงที่สุด ขณะที่ในซัมเมอร์ที่สามของเทน ฮาก เขาได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ภายใต้ทีมหลังบ้านชุดใหม่ ขณะที่มูรินโญ่เจอสถานการณ์ตรงข้าม จนทำให้เจ้าตัวรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งที่ไม่ได้รับการสนับสนุนต่อเนื่องแม้จะจบอันดับสองตามหลังแมนเชสเตอร์ ซิตี้ทีมเดียว
.
สุดท้ายแล้ว มันจึงกลายเป็นสัญญาณของจุดจบสำหรับมูรินโญ่ เขาแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนในช่วงปรีซีซั่นหลังจากใช้เงินไปเพียง 83 ล้านยูโร โดย เฟร็ด เป็นนักเตะที่แพงที่สุดด้วยค่าตัว 59 ล้านยูโร
.
ดูจากเส้นทางของทั้งคู่แล้ว มีความเหมือนกันอย่างมากระหว่างความคาดหวังในช่วงฤดูกาลแรกของเทน ฮากและมูรินโญ่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แต่ที่แน่ๆ ผลการแข่งขันจำเป็นต้องดีขึ้นอย่างรวดเร็วสำหรับเทน ฮาก เพื่อที่เขาจะสามารถหลีกเลี่ยงชะตากรรมเดียวกันกับมูรินโญ่ได้
.
มิเช่นนั้น ไปแน่