
วิจารณ์ กระแสต่างประเทศ: “ห้างยา vs เสือใต้” ใครจะเข้าวินคว้าแชมป์บุนเดสลีกา
By: Colly
——————–
ข้ามไปพูดถึงฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมนี กันบ้าง โดยแต่ละทีมก็ทำการเสริมทัพกันตามสภาพ ตามสไตล์ของวงการลูกหนังเมืองเบียร์เค้าแหละ คือเน้นนักเตะราคาไม่แพง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสภาวะทางการเงิน
.
นั่นจึงทำให้เมื่อดูภาพรวมจากทั้ง 18 ทีมแล้ว การลุ้นแชมป์ก็คงไม่พ้นคนหน้าเดิม นั่นคือแชมป์เก่า ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และยักษ์ใหญ่อย่าง บาเยิร์น มิวนิค เพราะยังมีขุมกำลังที่แข็งแกร่งด้วยกันทั้งสองทีม
.
ชาบี อลอนโซ่ กุนซือ “ห้างยา” พยายามจะลดความกดดันให้ลูกทีม ด้วยการบอกว่า “เสือใต้” ต่างหากที่เป็นตัวเต็ง ไม่ใช่พวกเขา “จากมุมมองของผม เราไม่ใช่ตัวเต็ง สำหรับผมแล้ว บาเยิร์นเป็นตัวเต็งอีกครั้ง… ทีมและประวัติศาสตร์ของพวกเขา นั่นชัดเจนสำหรับผม”
.
แต่คำพูดของเขาในเรื่องนี้คงไม่มีใครเชื่อง่ายๆหรอกมั้ง 555
.
แท้จริงแล้ว ช่วงซัมเมอร์นี้เป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจสำหรับการซื้อขายนักเตะในลีกสูงสุดของเยอรมนี โดย เลเวอร์คูเซ่น ได้เสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมอย่างเงียบๆ แต่มันก็เป็นความเงียบแบบที่ดูจะนำหน้าคู่แข่งไปมากแล้ว โดยกองกลางอย่าง อเล็กซ์ การ์เซีย เข้ามาเสริมทัพเตรียมเป็นคู่หูกับ กรานิต ชาก้า (รวมถึงเตรียมเป็นทายาทของ ซาก้า ในอนาคตด้วย) นอกจากนี้ก็ยังมีการเสริมทัพเพื่ออนาคตด้วยการคว้าตัว เฌอนูเอล เบโลเซียน กองหลังดาวรุ่งมาจาก แรนส์ รวมถึง มาร์ติน เทอร์เรีย ที่จะมาเป็นกำลังเสริมให้ ฟลอเรียน แวร์ตซ์ ในแนวรุก
.
ดูๆไปแล้ว เลเวอร์คูเซ่นน่าจะมีแผนงานที่ชัดเจนในอนาคต แต่มันกลับตรงข้ามกับ บาเยิร์น มิวนิค ที่หลายคนต่างตั้งข้อกังขาว่าพวกเขาไปคว้าใครมากันเนี่ย
.
โดยซีซั่นนี้ เสือใต้ของกุนซือ แวงซ็องต์ ก็องปานี ทุ่มเงินไปมากถึง 142 ล้านยูโร ดึงตัวนักเตะใหม่มาหลายราย ไม่ว่าจะเป็น ไมเคิล โอลิเซ่ ปีกขวาจากคริสตัล พาเลซ, ฮิโรกิ อิโตะ กองหลังจากสตุ๊ตการ์ท และชูเอา ปาลินญ่า กองกลางตัวรับของฟูแล่ม เป็นต้น ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ขายนักเตะไปไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น มัทไธส์ เดอ ลิกต์ และนูสแซร์ มาซราอุยให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และมาลิก ทิลล์มันให้กับพีเอสวี แต่ก่อนที่ตลาดนักเตะจะปิดตัวลง ผู้บริหารระดับสูงของบาเยิร์นหวังว่าจะขายนักเตะได้อีกสักสองสามคนและเซ็นสัญญากับนักเตะดาวรุ่งคนอื่นๆ เพิ่มอีก
.
รายงานในเยอรมนีเผยว่า ผู้เล่นแนวรุกอีกหลายราย เช่น แซร์จ นาบรี้, คิงส์ลีย์ โกมัน และแม้แต่เลรอย ซาเน่ อาจได้ย้ายออกจากทีม เนื่องจากบาเยิร์นต้องการปล่อยผู้เล่นที่มีค่าจ้างสูง และหาเงินจากค่าตัวผู้เล่นที่เหมาะสม นี่คือเหตุผลที่เดอ ลิกต์ถูกขายให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด แม้ว่าเขาจะได้รับการยกย่องว่าเป็นกองหลังตัวกลางที่ดีที่สุดคนหนึ่งของบาเยิร์นก็ตาม แต่การที่นักเตะแนวรุกทั้งหลายยังไม่มีข้อเสนอที่จริงจังเข้ามา ทำให้การสร้างทีมใหม่ของบาเยิร์นถูกจำกัดไปด้วย ดังนั้นซีซั่นนี้อาจยังไม่ใช่การผ่าตัดทีมใหม่ แต่คงทำได้เพียงการเสริมผู้เล่นที่ดีเพียงไม่กี่คน
.
เห็นได้ชัดเจนที่สุดในเกมการแข่งขันอย่างเป็นทางการนัดแรกของบาเยิร์นในฤดูกาลนี้ ซึ่งก็คือเกมที่เอาชนะเอสเอสวี อูล์ม 1846 ไปได้ 4-0 ในรอบแรกของฟุตบอลถ้วยเยอรมัน ซึ่งก็องปานีได้เลือกผู้เล่นตัวจริงทั้ง 11 คนจากที่เคยอยู่กับสโมสรเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ชูเอา ปาลินญ่าและไมเคิ่ล โอลิเซ่ได้ลงเล่นในครึ่งหลังและบาเยิร์นก็เอาชนะไปได้อย่างสบายๆ แต่ยังคงต้องดูกันต่อไปว่าผู้เล่นชุดนี้จะเล่นแตกต่างไปจากเดิมหรือไม่เมื่อเทียบกับภายใต้การคุมทีมของฮันซี่ ฟลิค, ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ และโทมัส ทูเคิ่ล
.
จุดอ่อนของบาเยิร์นอีกประการอาจมาจากการที่โค้ชของพวกเขายังขาดประสบการณ์ ก็องปานีถูกดึงตัวมาจากเบิร์นลีย์หลังจากที่ ชาบี อลอนโซ่ ปฏิเสธโอกาสที่จะเข้ามาสืบทอดตำแหน่งต่อจากทูเคิ่ลเมื่อปลายฤดูกาลที่แล้ว แต่อดีตนักเตะทีมชาติเบลเยียมรายนี้ย้ายไปมิวนิคด้วยความคาดหวังอย่างชัดเจนว่าจะต้องสร้างรูปแบบการเล่นฟุตบอลที่เน้นการครองบอลซึ่งเขาได้เรียนรู้จากเป๊ป กวาร์ดิโอล่าที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บาเยิร์นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเลียนแบบกลยุทธ์ของเลเวอร์คูเซ่นภายใต้การคุมทีมของอลอนโซ่จะทำให้พวกเขาทำผลงานได้ดีขึ้นและเอาชนะเลเวอร์คูเซ่นได้
.
ยังต้องรอดูว่า ก็องปานี จะทำได้ดีในฤดูกาลแรกของเขาในบุนเดสลีกาหรือไม่ และภายใต้แรงกดดันของทีมที่ล้มเหลวมาตลอดจากโค้ชสามคนก่อนหน้าเขา ทำให้แทบไม่มีใครในเยอรมนีที่เชื่อว่าบาเยิร์นจะเดินไปสู่ตำแหน่งแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้
.
นั่นจึงมีโอกาสสูงที่ ชาบี อลอนโซ่ จะเบิ้ลแชมป์ได้อีกครั้ง เพราะชั่วโมงนี้ในเยอรมันหาคู่แข่งต่อกรกับพวกเขาแบบสมน้ำสมเนื้อได้ยากจริงๆ