@www333
เข้ากลุ่มครอบครัวฟุตบอล คลิกที่นี่ @www333
logo
Menu

วิจารณ์ กระแสต่างประเทศ : เกมรับ (กำลังจะ) ทำให้หงส์ชวดแชมป์ By: Colly

ความหวังของลิเวอร์พูลในการจบฤดูกาลนี้ด้วย 4 แชมป์ เพื่อเป็นการปิดฉากอันสวยหรูให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ มลายหายไปอย่างรวดเร็วในเวลาแค่ไม่กี่สัปดาห์ หลังจากพ่ายแพ้ติดต่อกันใน ยูโรปา ลีก และ พรีเมียร์ลีก แฟนบอลทั่วยุโรปตกตะลึงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อ อตาลันต้า ทีมจากเซเรีย อา บุกถล่มคาแอนฟิลด์ 3-0 และจากนั้น เพียงไม่กี่วันต่อมา คริสตัล พาเลซ ก็ตอกย้ำบาดแผลไปอีกครั้งด้วยชัยชนะ 1-0 ที่แอนฟิลด์เช่นกัน

.
สิ่งนี้เป็นการพลิกผันครั้งใหญ่ของฟอร์มที่ทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูลต่างตั้งคำถามว่าสงสัยฤดูกาลของพวกเขาได้จบลงแล้วหรือไม่ ก่อนที่พวกเขาจะมีโอกาสตื่นเต้นกับบทสรุปด้วยซ้ำ ขณะเดียวกัน คล็อปป์และทีมงานเบื้องหลังของเขาก็คงจะสงสัยเช่นกันว่าจู่ๆ เกิดอะไรขึ้นกับทีมของตัวเอง ทีมที่ใช้เวลาเกือบหนึ่งในสามของฤดูกาลนั่งแท่นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ปัญหาอยู่ตรงไหนในทีมลิเวอร์พูลชุดนี้ และจะสามารถแก้ไขได้ก่อนจบฤดูกาลหรือไม่
.
ความพ่ายแพ้ต่อ “ปราสาทเรือนแก้ว” ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หมายความว่าลิเวอร์พูลมีแต้มเท่ากับอาร์เซนอล และมีแต้มตามหลังแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 คะแนน แม้จะดูเหมือนว่ายังมีความหวังในทางทฤษฎี แต่จากฟอร์มอันร้อนแรงของ “เรือใบสีฟ้า” ต้องยอมรับว่ามันชักจะยากเย็นแสนเข็ญเข้าไปทุกทีกับการคว้าแชมป์ลีกฤดูกาลนี้
.
สถิติที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นในลีกสูงสุดอังกฤษฤดูกาลนี้ชี้ให้เห็นว่า ทีมของคล็อปป์มีผลงานที่แย่กว่าใครเพื่อนเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งลุ้นแชมป์ทั้งสองราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดูว่าทีมจากถิ่นแอนฟิลด์เสียไปกี่ประตูในพรีเมียร์ลีก เช่นในช่วง 10 เกมหลังสุด ทีมของคล็อปป์เสียไปแล้ว 12 ประตู ซึ่งเท่ากับจำนวนที่อาร์เซน่อลกับแมนฯ ซิตี้เสียรวมกัน (อาร์เซนอลเสีย 5, แมนฯซิตี้เสีย 7)
.
อย่างไรก็ตาม ความอ่อนแอในแนวรับของลิเวอร์พูลไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เมื่อเราดูช่วงเวลาที่ทีมเสียประตู จะพบว่า 61% ของ 31 ประตูที่เสียไปนั้นเกิดขึ้นในครึ่งแรก ซึ่งนั่นเป็นสถิติที่แย่ที่สุดในบรรดา 20 ทีมพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ทั้งหมด
.
นั่นหมายความว่า ลิเวอร์พูล ต้องเจอสถานการณ์ที่ต้องเร่งยิงประตูเพื่อตามตีเสมอ (หรือพลิกกลับมาชนะ) ถึง 16 เกม มากกว่าแมนฯ ซิตี้ และ อาร์เซนอล ชัดเจน
.
จริงอยู่ที่หากเมื่อดูความสามารถของลิเวอร์พูลในการ “คัมแบ็ก” เราพบว่าไม่มีสโมสรใดในลีกที่ได้แต้มจากสถานการณ์แบบนี้มากไปกว่าทีมของคล็อปป์ นั่นแสดงให้เห็นถึงระดับของการทำงานหนักและจิตใจของพวกเขาที่ “ไม่มีวันยอมแพ้” หากเสียงนกหวีดยังไม่เป่าหมดเวลา
.
แต่อีกด้านของสถิติที่ว่าก็คือ ลิเวอร์พูลเสียไป 21 แต้มจากการตามหลังคู่แข่ง ซึ่งมากกว่า อาร์เซน่อล และ แมนฯซิตี้ และนั่นอาจอธิบายได้ว่าทำไม ลิเวอร์พูล ถึงเสียบัลลังก์จ่าฝูง และต้องมาไล่ตาม “เรือใบสีฟ้า” ในช่วงโค้งสุดท้ายของการลุ้นแชมป์แบบนี้
.
หากเราลืมความหวัง 4 แชมป์ที่คุยๆกันมาไปก่อน และยอมรับความจริงว่า นี่เป็นทีมที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่หลังการแห่ย้ายออกของของขุนพลชุดเก่า (หรือที่ คล็อปป์ เรียกว่าเป็นการสร้างทีม ลิเวอร์พูล 2.0 นั่นแหละ) ดังนั้นคงจะดูเป็น “เทพนิยาย” มากไปหน่อยหากจะหวังให้ทีมที่เพิ่งสร้างใหม่แบบนี้กวาดเรียบทุกแชมป์ที่ลงแข่ง เพราะมันมีสิ่งที่ต้องปรับต้องจูนมากมาย อีกทั้งยังขาดประสบการณ์ในการแบกความกดดันต่อการลุ้นแชมป์อีกด้วย
.
และที่สำคัญที่สุด ทีมอื่นเค้าก็มีขานี่หว่า ใช่มั้ย